พรุบาโกย หรือสวนขวัญเมือง

สวนขวัญเมือง

สวนขวัญเมือง หรือพรุบาโกย อยู่ที่ถนนเทศบาล 1 ห่างจากศาลหลักเมืองยะลาประมาณ 300 เมตร มีเนื้อที่ประมาณ 207 ไร่ จัดให้เป็นสนามกีฬาและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมือง จุดเด่นอยู่ที่สระน้ำใหญ่เนื้อที่ 69 ไร่ ซึ่งเทศบาลเมืองยะลาได้ตกแต่งพื้นที่โดยรอบเป็นหาดทรายและทิวสนจำลองทัศนียภาพของหาดทรายชายทะเลมาไว้ให้ชาวเมืองได้พักผ่อนหย่อนใจเนื่องจากจังหวัดยะลาไม่มีพื้นที่ติดต่อกับชายทะเล นอกจากนี้ยังเป็นที่จัดกิจกรรมแข่งขันนกเขาชวาเสียง มีสนามแข่งขันนกเขาชวาเสียงที่ใหญ่และมีมาตรฐานที่สุดในภาคใต้

 

กระผมไม่ใช่คนจังหวัดยะลา แต่ด้วยความมาทำงานอยู่ยะลาหลายปี จึงทำให้มีความลึกซึ้งกับที่นี้มาก  ยะลาเป็นจังหวัดที่อยู่ในภาคใต้สุดแดนสยาม ปลายด้ามขวานของประเทศไทย  จังหวัดยะลาเป็นจังหวัดเดียวในภาคใต้ที่ไม่ติดกับทะเล  เมืองยะลามีสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดของเทศบาลนครยะลา คือ สวนขวัญเมือง  สวนขวัญเมืองเป็นสถานที่สำคัญที่ให้ผลประโยชน์ประชาชน เช่น เป็นสถานที่พักผ่อนหยอนใจของชาวเมืองยะลา  เป็นสถานที่ออกกำลังกาย เป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ของเยาวชนและประชาชนชาวยะลา เป็นต้น

 

สวนขวัญเมือง มีชื่อเดิมว่า พรุบาโกย เป็นที่รู้จักกันของคนในชุมชนสะเตงตั้งแต่อดีตของรุ่นปู่ย่า ตายายจนถึงปัจจุบัน ในอดีตพรุบาโกยเป็นสถานที่ที่มีแต่คูน้ำและเป็นป่าที่เต็มไปด้วยหญ้าและต้นกกขึ้นรกรุงรัง  ชาวบ้านในอดีตจึงใช้สถานที่ทำเป็นการเกษตร เป็นทุ่งสำหรับเลี้ยงสัตว์  แต่น่าเสียดายที่ไม่มีท่อระบายน้ำ จึงมีลุ่มน้ำท่วมขัง ปีละครั้ง ทำการเกษตรก็ไม่ได้ ไม่สะดวก ทำที่อยู่อาศัยก็ยาก  ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้เลย เทศบาลจึงพัฒนาทำท่อระบายน้ำ หลังจากนั้นน้ำท่วมสองปีครั้ง ห้าปีครั้ง และสิบปีครั้ง เทศบาลจึงได้พัฒนาทำระบายน้ำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนได้พัฒนาสถานที่นี้เป็นสวนสาธารณะ 

 สวนขวัญเมือง หรือพรุบาโกย มีพื้นที่ประมาณ ๒๐๗ ไร่เศษ  ต่อมาในปี ๒๕๒๖ นายกเทศมนตรีเมืองยะลาและหัวหน้ากองช่างได้มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาที่ดินสาธารณะแห่งนี้ให้กลายเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวยะลา  เนื่องจากเห็นว่ายะลาเป็นจังหวัดเดียวในภาคใต้ที่ไม่มีพื้นที่ติดกับทะเลจึงเร่งดำเนินการก่อสร้างจนแล้วเสร็จกลายเป็นสวนสาธารณะ และสถานที่พักผ่อนหย่อนใจขนาดใหญ่ที่ประชาชนนิยมมาใช้ประโยชน์  ด้วยการออกกำลังกายและพักผ่อนหย่อนใจเป็นจำนวนมาก 

สวนขวัญเมืองเป็นส่วนสาธารณะที่สองของเทศบาล มีการเปิดใช้งานตั้งแต่ปี ๒๕๒๙ เป็นต้นมาและได้ปล่อยพันธุ์ปลาจำนวนมากพร้อมทั้งพันธุ์ปลาบึก เป็นระยะเวลา ๒๘ ปี ปรากฏว่าสระน้ำมีสภาพตื้นเขิน มีวัชพืชเกิดขึ้น ดังนั้นเทศบาลนครยะลาจึงได้ดำเนินการขุดลอกปรับปรุงใหม่ ในปี ๒๕๕๓

       สวนขวัญเมือง (พรุบาโกย) ปัจจุบันมีการปรับปรุงสถานที่ในแต่ละสถานที่ในบริเวณสวนขวัญเมืองโดยรอบ  ไม่ว่าจะเป็นการจัดให้มีการประกอบด้วยสวนสนที่มีความสวยงาม  มีการค้าขายจัดระเบียบ เรียบร้อย สะดวก  รวมทั้งโขดหินวางไว้อย่างเหมาะสมเลียบไปตามชายหาด  โดยเฉพาะช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกดินมีทิวทัศน์สวยงามมากทีเดียว  จัดให้มีการพายเรือเพื่อสุขภาพละจักรยานน้ำ ในบริเวณเดียวกันนี้ยังจัดให้มีสนามแข่งขันนกเขาชวาเสียงอาเซียนเป็นประจำทุกปีซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสนามแข่งขันนกเขาชวาเสียงที่ใหญ่ที่สุดในโลก สนามเด็กเล่น โรงยิมอเนกประสงค์ สวนสุขภาพและพันธุ์ไม้นานาพันธุ์  ทำให้สวนขวัญเมืองนับว่าเป็นสถานที่ที่มีประชาชนมาท่องเที่ยวมากที่สุดในเขตเทศบาลนครยะลา  และเป็นเขตที่เหมาะแก่การทำธุรกิจค้าขาย  ปลูกบ้าน  สังเกตได้ว่าตอนนี้มีการค้าขายมากขึ้น มีการปลูกบ้านเพิ่มขึ้นมากมายเป็นแถวและที่สำคัญทำให้สวนขวัญเมืองแห่งนี้น่าอยู่มากขึ้น เช้าๆมีผู้คนมากมายปั่นจักรยานรอบๆสวนขวัญเมือง(พรุบาโกย) สูดลมหายใจที่บริสุทธิ์ กับบรรยากาศ ทิวทัศน์อันสวยงาม จนปัจจุบันใครๆก็อยากมาเที่ยวสวนสาธารณะแห่งนี้      

       สวนขวัญเมืองนับว่าเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดของเมืองยะลาและเป็นการสร้างความภาคภูมิใจ สามารถใช้ประโยชน์ได้กับประชาชนทุกเพศทุกวัยสร้างแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ เป็นสวนที่เน้นกระบวนการพัฒนาทักษะด้านการคิดและบูรณาการองค์ความรู้ด้านต่างๆของเด็ก เยาวชนและประชาชนทั่วไป และเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืดเพื่อเป็นการอนุรักษ์พันธุ์ปลาบึกให้อยู่คู่สวนขวัญเมือง ไม่ต้องเดินทางไปดูถึงแม่น้ำโขง เพราะ ที่ยะลาบ้านเราก็มีปลาบึกตัวโตๆ ให้ดูให้ชมเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ของเยาวชนและ ประชาชนชาวยะลาต่อไป รวมทั้งยังเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้เป็นปอดของเมืองยะลา

อ้างอิง:http://kroojisatit.blogspot.com/2014/02/blog-post_3751.html

สวนสาธารณะสนามช้างเผือก

สวนสาธารณะสนามช้างเผือก

สวนสาธารณะสนามช้างเผือก (สนามโรงพิธีช้างเผือก) อยู่ถนนพิพิธภักดี อำเภอเมืองยะลา มีพื้นที่ 80 ไร่ เคยใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีน้อมเกล้าฯ ถวายช้างเผือก "พระเศวตสุรคชาธาร" แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2511 ภายในสวนสาธารณะมีศาลากลางน้ำ รูปปั้นสัตว์ต่าง ๆ และเป็นสถานที่จัดกิจกรรมของจังหวัดยะลา

ที่มาของคำว่า "สนามเผื่อกยะลา"

อ้างอิง:https://thai.tourismthailand.org/%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7/%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81-%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81--5798 

สวนดอกไม้เบตง

สวนดอกไม้เบตง

 สวนดอกไม้เมืองหนาวเบตง " สวนหมื่นบุปผา

สวนดอกไม้เมืองหนาวเบตงตั้งอยู่ในหมู่บ้านปิยะมิตร 2 หมู่ที่ 2 ต.ตาเนาะแมเราะ อ.เบตง

ได้ก่อตั้งขึ้นโดยสามชิกในหมู่บ้านทั้งหมดเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย อดีตโจรจีนคอมมิวนิสต์มาลายา (จคม.)  อ.เบตง จ.ยะลา

เป็นโครงการไม้ดอกเมืองหนาวอันเนื่อง มาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงอักษรจีนพระราชทานนามสวนแห่งนี้ว่า ว่านฮัวหยวน หรือแปลเป็นไทยว่า " สวนหมื่นบุปผา "

 โดยมีการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยโดยมีทั้งชาวไทยและชาว มาเลเซียเดินทางมาเยี่ยมชมความสวยงาม และยังพัฒนาเป็นพืชเศรษฐกิจเพื่อการส่งออกแทนการปลูกยางพาราตามแนวพระราช ดำริเพื่อสร้างรายได้ให่้กับชาวบ้านในพื้นที่

สวนแห่งนี้มีพื้นที่กว่า 35 ไร่ ความสูงประมาณ 800 เมตรจากระดับน้ำทะเล อุณหภูมิเฉลี่ย 18 องศาเซลเซียส

มีที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางมาเยี่ยมชมโครงการและเตรียม ขยายพื้นที่การเพาะปลูกไม้ดอกเมืองหนาวซึ่งสร้างรายได้หลายล้านบ้านต่อปีให้กับประเทศ

อ้างอิง:http://www.xn--42cg5bt7g4ebm.com/15635271/%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%95%E0%B8%87

ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง

 ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ทะเลหมอกสุดสวยของภาคใต้และสวยอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย ที่รับรองได้ว่าฟินทั้งอากาศและวิวแบบเต็มสองตา

สำหรับ "ทะเลหมอก" ใช่ว่าจะมีแต่เฉพาะภาคเหนือ และภาคอีสาน หรือภาคกลางที่เราคุ้นเคยกันเท่านั้น วันนี้เราเลยจะพาเพื่อน ๆ ลงใต้ไปทำความรู้จักหนึ่งสถานที่ชมทะเลหมอกที่สวยอีกแห่งหนึ่งในภาคใต้ กับ "ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง" อำเภอเบตง จังหวัดยะลา สถานที่ต้องมนตร์สะกดของทะเลหมอกท่ามกลางผืนป่าขนาดใหญ่ ส่วนจะสวยงามและน่าไปแค่ไหนนั้น ตามไปชมแบบเต็ม ๆ กันเลยครับ ^^

รู้จัก "ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง" 

"ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง" ตั้งอยู่ตำบลอัยเยอร์เวง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ในเขตพื้นที่ของเขาไมโครเวฟ กิโลเมตรที่ 32 มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเล 2,038 ฟุต เปิดให้นักท่องเที่ยวไปเต็มอิ่มกับการชมทะเลหมอกแบบหนา ๆ ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดได้อย่างสวยงาม และจุดชมวิวไฮไลท์ของที่นี่อีกหนึ่งแห่งคือ บริเวณยอดเขาฆูนุงซีลีปัต (ฆูนุงสาลี) ที่ต้องเดินป่าขึ้นไปบนยอดเขาเพื่อชมทะเลหมอกในมุมมองกว้าง 360 องศา แบบอันซีนไทยแลนด์เลยก็ว่าได้ 

 ปัจจุบันจุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวงได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งในอำเภอเบตง โดยนักท่องเที่ยวที่มาเยือนนั้นมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย ส่วนช่วงเวลาในการเดินทางขึ้นไปชมทะเลหมอกนั้นควรเดินทางขึ้นไปตั้งแต่เช้าตรู่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น และหลังจากพระอาทิตย์ขึ้นไม่เกิน 9 โมงเช้าทะเลหมอกก็จะค่อย ๆ จางหายไป เหลือไว้แต่เพียงผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ขนาดใหญ่

เสน่ห์ของทะเลหมอกอัยเยอร์เวง

         ด้วยเพราะระดับความสูง 2,038 เมตร จากระดับน้ำทะเล พิกัดเช่นนี้จึงสมารถมองเห็นทะเลหมอกได้อย่างสวยงาม นักท่องเที่ยวจะได้เห็นหมอกที่จับตัวกันเป็นชั้นหนา เต็มผืนฟ้า ล่องลอยอยู่ตรงหน้าของผู้ที่เดินทางมาสัมผัส และที่สำคัญสามารถมองเห็นได้ตลอดทั้งปี และได้มีการพัฒนาพื้นที่จุดชมวิวทะเลหมอก ด้วยการสร้างอาคารหอชมวิว พร้อมปรับปรุงภูมิทัศน์ให้สวยงาม มีจุดถ่ายภาพชมวิวที่หลากหลาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้บันทึกภาพแห่งความประทับใจ

การเดินทางไป "ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง"

          เริ่มต้นจากเดินทางเข้าไปทางแยกกิโลเมตรที่ 33 ใช้เส้นทางสาย 410 ทางเข้าหมู่บ้านธารมะลิ ตำบลอัยเยอร์เวง วิ่งบนถนนลาดยางไต่เขาเข้าไปประมาณ 7 กิโลเมตร ส่วนช่วงเวลาในการเดินทางขึ้นไปชมทะเลหมอกและจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นของที่นี่ ใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองเบตงประมาณ 40 นาที สามารถขับรถบนถนนลาดยางขึ้นไปถึงจุดชมหมอกได้เลย เพราะอยู่ตรงเขาทวนสัญญาณที่เป็นถนนท้องถิ่นแยกออกไปจากถนนใหญ่ ก่อนใช้ทางหลวงเส้น 410 ยะลา-เบตง เดินทางไปเพียง 7 กิโลเมตร จะพบเข้าทางหมู่ 4 บ้านธารมะลิ หรือตรงหลักกิโลเมตรที่ 33 ถ้านับจากตัวเมืองเบตง สามารถเดินทางไปได้ตั้งแต่เช้าตรู่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นซึ่งทะเลหมอกที่นี่ก็มีให้ชมตลอดทั้งปี แม้ในช่วงฤดูร้อนก็ยังพบทะเลหมอกหนา ๆ ที่สวยไม่แพ้ที่อื่น ๆ เลย

 ปัจจุบัน พื้นที่บริเวณจุดชมมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวงมีทั้งลานกางเต็นท์ ที่จอดรถ ร้านค้า และร้านอาหาร คอยให้บริการนักท่องเที่ยวอยู่มากมาย

 ทั้งนี้หากนักท่องเที่ยวมีความประสงค์ที่จะเดินทางขึ้นไปชมความสวยงามของทะเลหมอกอัยเยอร์เวง สามารถติดต่อสอบถามได้จากเจ้าหน้าที่องค์การบริการส่วนตำบลอัยเยอร์เวง โทรศัพท์ 0 7328 5111, 08 6288 8792 (คุณซูไฮมี มีนา)และ 08 0706 4004 (คุณกันดา หะยีมามุ) นอกจากการเดินทางไปชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวงแล้ว ยังสามารถเดินทางไปเที่ยวป่าฮาลา บาลา ที่สามารถเดินผจญภัยท่องป่าที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น "ป่าอเมซอนของประเทศไทย" ได้อีกด้วย

                              อ้างอิง:https://travel.kapook.com/view139785.htm

อุทยานแห่งชาติบางลาง

อุทยานแห่งชาติบางลาง

อุทยานแห่งชาติบางลาง มีเนื้อที่ประมาณ 163,125 ไร่ หรือ 261 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ดินป่าลาบู ป่าถ้ำทะลุ และป่าเบตง ในท้องที่ตำบลถ้ำทะลุ ตำบลเขื่อนบางลาง อำเภอบันนังสตา ตำบลแม่หวาด ตำบลบ้านแหร อำเภอธารโต และตำบลอัยเยอร์เวง ตำบลยะรม อำเภอเบตง จังหวัดยะลา เป็นอุทยานฯ 1 ใน 5 ของโครงการจัดตั้งอุทยานฯ เพื่อการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2530 ได้รับการประกาศให้เป็นอุทยานฯ เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2542 เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 88 ของประเทศไทย

ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน สลับกับเนินเขาและพื้นที่ราบ มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 600 เมตร มีเขาฮาลา เขาลาซะ เขาภูโละ และเขาฮันกุล เป็นยอดเขาสำคัญ สภาพป่าเป็นป่าดงดิบชื้น เป็นต้นกำเนิดแม่น้ำหลายสายทั้งคลองชาลี คลองนีโล คลองกาวะ คลองกือนือฮง คลองโต๊ะโมะ คลองฮาลา คลองกาบู และคลองฮาลาซะห์ที่ไหลมาบรรจบเป็นแม่น้ำปัตตานี และแม่น้ำสายบุรี ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ ที่นี่จึงมีนกเงือกมากถึง 11 ชนิด ให้คนชอบนกได้เราชมกันด้วย

ความงามของผืนป่าเหนือเขื่อนบางลาง ยังช่วยให้อุทยานฯ บางลาง มีวิวทิวทัศน์รอบอ่างเก็บน้ำสวยงาม และยังทำให้เกิดแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมายอีกด้วย น้ำตกธารโต น้ำตกที่อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ เพียง 1 กิโลเมตร มีทั้งหมด 9 ชั้น คุณสามารถเดินเที่ยวได้ครบทุกชั้น ชั้นที่ 3 ถึง ชั้นที่ 5 เหมาะสำหรับนั่งชมวิวสายน้ำที่ไหลลดหลั่นลงมาตามซอกหินสวย ส่วนชั้นที่ 9 เป็นชั้นที่สูงสุด สายน้ำใสจะไหลตกจากลงมาหน้าผาสูง ประมาณ 30 เมตรสวยงามมาก บรรยากาศรอบด้านยังร่มรื่นไปด้วยป่าดงดิบ มีนกป่าหลายชนิด เช่น นกพญาปากกว้างเล็ก นกบั้งรอกเขียวอกแดง ฯลฯ ให้เดินชมระหว่างทางด้วย

เขื่อนบางลาง เป็นเขื่อนหินแกนดินเหนียว สูง 85 เมตร ยาว 422 เมตร สันเขื่อนกว้าง 10 เมตร ฐานเขื่อนกว้าง 366 เมตร คุณสามารถชวนเพื่อนฝูง หรือครอบครัวมาเพลิดเพลินกับกิจกรรมล่องเรือแพชมความสมบูรณ์ของป่าฮาลา ป่าที่มีพืชพันธุ์เฉพาะถิ่นหายากมากมาย ชมวิวผืนน้ำทะเลสาบธารโต ทะเลสาบเหนือเขื่อนบางลางที่มีความงดงามของเกาะแก่งกว่า 30 เกาะให้คุณได้เก็บความประทับใจอย่างเพลิดเพลิน

ผืนป่าฮาลา-บาลา เป็นผืนป่าสมบูรณ์อยู่ในเขตอุทยานฯ บางลาง และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา รวมกับผืนน้ำของอ่างเก็บน้ำบางลาง จึงไม่แปลกที่ทัศนียภาพของผืนป่าแห่งนี้จะสมบูรณ์สวยงาม คุณสามารถเดินป่าศึกษาชมธรรมชาติ ชมวิวอ่างเก็บน้ำสวย เฝ้าดูนกเงือก และยังมีน้ำตกสวยงามหลายแห่ง ทั้งน้ำตกกิตติโชควัฒนา น้ำตกคลองโต๊ะโมะ และน้ำตกคลองน้ำใส ให้ชมแบบเต็มอิ่มด้วย

อุทยานฯ เขื่อนบางลางยังมีน้ำตกสวยอยู่ภายในหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ต่างๆ ให้คุณขับรถไปแวะชมด้วย ทั้งน้ำตกละอองรุ้ง อยู่ในหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ บล.4 (น้ำตกละอองรุ้ง) น้ำตกชั้นที่ 4 เป็นชั้นที่สวยที่สุด สายน้ำตกกระทบแอ่งหินด้านล่างเป็นละอองฟุ้งสมชื่อ และน้ำตกฮาลาซะห์ อยู่ในเขตหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติบางลาง ที่ บล. 2 (โต๊ะโมะ) เป็นน้ำตกที่มีความสูงสวยงามมาก เส้นทางเดินเข้าน้ำตกแห่งนี้ ยังนับเป็นเส้นทางที่เหมาะกับการเฝ้าดูนกเงือก ชมใบไม้สีทอง ชื่นชมวิถีชีวิตชนเผ่าซาไก และยังมีที่เที่ยวทางธรรมชาติที่ต้องอาศัยเจ้าหน้าที่นำทางไปชมอีกมากมายด้วย

ข้อมูลเกี่ยวกับ…อุทยานแห่งชาติบางลาง ยะลา

ที่ตั้ง : ตำบลถ้ำทะลุ อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา

การเดินทาง : จากตัวเมืองจังหวัดยะลา ให้ขับรถไปตามทางหลวงหมายเลข 410 ถนนสายยะลา-เบตง จนถึงกิโลเมตรที่ 56 จะมีทางแยกเข้าสู่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติบางลาง ตั้งอยู่ในบริเวณน้ำตกธารโต

ช่วงเวลาท่องเที่ยว : เดือนมกราคม-เดือนมิถุนายน

สิ่งอำนวยความสะดวก : อุทยานแห่งชาติบางลาง มีบ้านพักเดี่ยวแยกหลังให้คุณได้เลือกพักแบบเป็นส่วนตัว มีลานกางเต็นท์ และเต็นท์หลากขนาดที่ให้ชาวค่ายได้เช่าตั้งแค้มป์ ท่ามกลางป่าสวยของอุทยานฯ และยังมีร้านอาหารสวัสดิการเปิดบริการคุณตั้งแต่เช้าจรดเย็น

ติดต่อ-สอบถาม : อุทยานแห่งชาติบางลาง โทรศัพท์ 073-297-099, 073-201-716

อ้างอิง:http://kroojisatit.blogspot.com/2014/02/blog-post_38/78.html

บ่อน้ำร้อนเบตง

บ่อน้ำร้อนเบตง

บ่อน้ำร้อนเบตง เป็นปากฎการณ์ ตามธรรมชาติ ที่มี น้ำพุร้อน ผุดขึ้นมาจาก ภายใต้ พื้นผิวของโลก ในบริเวณที่มี น้ำพุร้อน เดือดนั้นสามารถต้มไข่ให้สุกได้ภายใน เวลาไม่เกิน 7 นาที ซึ่งชาวบ้านใน จังหวัดยะลา มีความเชื่อกันว่า บ่อน้ำร้อนเบตง ที่มีน้ำพุร้อนเกิดขึ้น ในหมู่บ้านจะเราะปะไร ตำบลตะเนาะแมเราะ อำเภอเบตง จังหวัดยะลานั้น เป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ที่สามารถรักษาโรคบางอย่างได้ เช่น โรคผิวหนัง สามารถบรรเทาอาการปวดเมื่อยตามร่างกายได้ บ่อน้ำร้อนเบตง มีสถานที่ไว้สำหรับ ให้นักท่องเที่ยวได้ อาบน้ำร้อน 

 บ่อน้ำร้อนเบตง ทางจังหวัดยะลา ได้พัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว อีกที่หนึ่งของจังหวัด โดยทางจังหวัดยะลาได้รับงบประมาณ จากนายก องค์การบริหารส่วนจังหวัดยะลา ในการพัฒนาให้บ่อน้ำร้อนเบตง เป็น แหล่งท่องเที่ยว ที่สำคัญของจังหวัด มีการจัดและปรับปรุง พื้นที่บริเวณรอบๆ ทางภูมิทัศน์ ให้มีความสวยงาม แต่ยังคงความเป็นธรรมชาติ เพื่อให้เหมาะสำหรับ การเดินทาง มาพักผ่อนหย่อนใจ นอกจากนี้ยัง ส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อสุขภาพอีกด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อให้ บ่อน้ำร้อนเบตง เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง ทั้งนักท่องเที่ยว ชาวไทย และนักท่องเที่ยว ชาวต่างชาติ

 นักท่องเที่ยวที่ชอบการท่องเที่ยว เพื่อสุขภาพ กากชรเดินทางมา ท่องเที่ยว ที่ บ่อน้ำร้อนเบตง นอกจากจะได้เที่ยวแล้ว การอาบน้ำแร่ที่ บ่อน้ำร้อน ยังเป็น การรักษาโรคผิวหนังได้อีกด้วย ซึ่งถือได้ว่าเป็น การท่องเที่ยว ที่คุ้มค่ามาก

เชิญชมวิดีโอต่อไปนี้ครับ

ขอขอบคุณที่เข้าชมครับ

อ้างอิง:http://www.onlinemoneyusd.ws/travel/South/Yala/Hot-Spring-Spas.html